บทความ เศษซากไร้ค่าคือสมบัติในสายตาคนรื้อตึก
บทความ เศษซากไร้ค่าคือสมบัติในสายตาคนรื้อตึก
เศษซากไร้ค่าคือสมบัติในสายตาคนรื้อตึก
ก่อนเริ่มทำการรื้อถอน สิ่งแรกที่ผู้รับเหมารื้อตึกทำอับดับแรกก็คือการวิเคราะห์ตัวอาคารด้านนอกเพื่อประเมินความยากง่ายในการรื้อ
ขั้นต่อมาคือการเข้าไปดูในตัวอาคารว่าเป็นอย่างไร และมีอะไรเหลืออยู่บ้าง
ขั้นตอนนี้เองหรือที่เรียกได้ว่าเป็นการนำเศษซากที่ดูไร้ค่ารื้อออกมาให้กลายเป็นสมบัติ
เพราะฉะนั้นก่อนลงมือรื้ออาคารทุกครั้ง เราจำเป็นต้องเอาทรัพย์สินที่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ออกมากก่อน
อย่างเช่นสายไฟ ประตู หน้าต่าง ที่ต้องถอดออกมาทั้งวงกบ สุขภัณฑ์ พื้นไม้ ไปจนถึงกระเบื้องมุงหลังคา
ที่บรรจงถอดออกทีละแผ่น และอีกมากมาย
ที่ต้องรื้อให้ทุกอย่างอยู่ครบ คงสภาพเดิมที่สุด แล้วเอามารวบรวมเพื่อทยอยขายออกไป ขอบอกเลยว่าเศษซากเหล่านี้เมื่อนำมารวมกันแล้วก็จะกลายเป็นสมบัติมูลค่ามหาศาลมาก
เมื่อรื้อสมบัติข้างในครบจบทุกกระบวนการจนเหลือแต่ตึกเปล่าๆแล้ว
ขั้นต่อมาก็คือทำการรื้อโดยเริ่มจากชั้นบนสุดของอาคารลงไปข้างล่าง ทุบพื้นปูนทั้งหมดจนเหลือแต่โครงเหล็กเส้น
และทำการตัดเหล็กเส้นด้วยแก๊ส รวมถึงทุบผนัง ให้เหลือแต่เสาและคาน ถ้าเปรียบให้เห็นภาพก็คือการเลาะเนื้อจนเหลือแต่ก้างนั่นเอง
ต่อมาก็ใช้รอกปลา(รอกโยงสลิง)
ผูกกับเสาและคานที่อยู่ติดกับอาคารข้างเคียงหรือที่ติดกับถนน ดึงให้ล้มลงมาข้างในอาคาร
เพื่อป้องกันอันตรายต่อรอบอาคารข้างเคียง
หลังจากนั้นก็ลุยทุบได้เต็มที่ โดยใช้พี่เบิ้ม รถแบคโฮจอมพลังเสริมหัวเจาะ
ลุยทุบอาคารให้เกลี้ยง โดยขั้นตอนนี้จะทำให้เกิดฝุ่นปูนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายระดับรุนแรงออกมามาก
ซึ่งเราจะใช้เครื่องพ่นละอองน้ำระดับแรงสูงฉีดให้ฝุ่นจางไป
เพื่อป้องกันอันตรายต่อทีมงานและผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น
ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
คืนชีพเศษซากสู่สมบัติมหาศาล
หลังจากรื้อและทุบตึกเป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อมาคือ
การใช้รถหัวตัดย่อยเหล็กออกมาจากโครงสร้างอาคารที่เป็นปูน
เพื่อแยกเอาเหล็กเส้นและเศษปูนออกมา
เหล็กเส้นจะใช้รถตักดินปั้นเหล็กเป็นก้อนกลมให้สะดวกในการขนย้ายไปส่งโรงหลอม
ส่วนเศษปูนจะนำไปรวมกัน เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ
เช่น การถมที่ การทำถนน การทำลานจอดรถ เป็นต้น
เหล็ก Never Die
เศษเหล็กที่ได้จากการรื้อถอนอาคารจะส่งตรงไปยังโรงหลอมเพื่อนำไปหลอมและแปรรูปผลิตเป็นเหล็กเส้นสำหรับใช้งานต่อไป
ซึ่งหลังจากชั่งน้ำหนักเหล็กที่ขนมาส่งเรียบร้อยแล้ว เหล็กเหล่านั้นก็จะถูกส่งไปเก็บไว้ที่โรงเก็บเหล็ก
เพื่อคัดแยกประเภทออกมา
ซึ่งโรงงานจะแบ่งประเภทของเหล็กเป็น 4 ประเภทดังนี้
1.เศษเหล็กเนื้อ : เป็นเศษเหล็กที่มีความหนามาก
เกรดดี เป็นที่ต้องการของโรงงานและมีราคารับซื้อสูง
ซึ่งเป็นเหล็กที่ได้มาจากโครงสร้างอาคารที่รื้อออกมา เฉลี่ยราคารับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ
10 – 11 บาท
2. เหล็กคละ : เนื้อเหล็กจะบางกว่าประเภทเศษเนื้อเหล็ก
อาจมีสนิมปนอยู่บ้าง ส่วนมากได้มาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้าน ราคารับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 9 –
10 บาท
3. เหล็กขี้กลึง : เป็นเศษเหล็กชิ้นเล็กที่ได้มาจากโรงกลึงเหล็ก
4. เศษเหล็กทั่วไป : ส่วนมากจะได้มาจากกระป๋องโลหะนานาประเภทที่จะต้องผ่านกระบวนการล้างและบีบอัดเป็นก้อน
หลอมรวมเป็นหนึ่ง
หลังจากแยกเหล็กตามประเภท ก็มาถึงขั้นตอนการนำเหล็กเหล่านั้นมาผสมกันในสัดส่วนที่กำหนดเพื่อเข้าสู่กระบวนการหลอม
ในการหลอมเหล็กแต่ละครั้ง จะนำเหล็กไปหลอมถึง 23 ตัน ด้วยอุณหภูมิ 1,680
องศาเซลเซียลเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ซึ่งเตาหลอมนี้ได้รับความร้อนจากแท่งแกรไฟต์อิเล็กโทรตที่ปล่อยพลังงานไฟฟ้าใส่เข้าไปจนแท่งปล่อยรังสีและเกิดความร้อนเพื่อหลอมเหล็กได้ในที่สุด
โดยการหลอมเหล็กแต่ละครั้งจะผสมคาร์บอน ซิลิคอน แมงกานีส ลงไปในเตาอีกด้วย
เพื่อเสริมคุณภาพของเหล็กหลอมนั่นเอง
เมื่อเหล็กในเตาหลอมรวมเป็นหนึ่งจนได้ที่
ก็จะเทน้ำเหล็กออกมาตามรางเพื่อขึ้นรูปให้เป็นแท่ง แล้วส่งเข้าสู่โรงรีดเหล็กทำเป็นเหล็กเส้น
ซึ่งการรีดให้ได้ขนาดหน้ากว้างตามต้องการนั้น ก็เพื่อความสะดวกในการใช้งานในวงการก่อสร้างต่อไป
ไม่น่าเชื่อว่าจากเศษเหล็กไร้ค่าจะกลับมาเกิดใหม่ได้สมบูรณ์
จากเศษซากสู่มูลค่ามหาศาล
“เหล็ก” ไม่มีวันตายและนำไปใช้ประโยชน์ได้ไม่รู้จบ
ไม้…ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า
นอกจากเหล็กเส้นและเศษปูนที่ได้หลังจากการรื้อถอนตึกแล้ว
บางครั้งก็จะมีเศษไม้ปะปนอยู่
ซึ่งหลายคนอาจฉงนสงสัยว่าเศษไม้เก่าเหล่านี้จะสามารถนำไปทำอะไรได้อีกบ้าง แล้วจะได้ราคาดีสักแค่ไหน
ขอบอกความลับอย่างหนึ่งว่า ไม้...ยิ่งแก่ยิ่งแพง!! เพราะยิ่งแก่
เนื้อไม้จะยิ่งสวย มีเสน่ห์ และดูเก๋าตามอายุนั่นเอง
เมื่อเข้าสู่โรงงานแปรรูปไม้เก่า
ก็จะนำไม้เก่าที่ได้มาทำการตัดเอาส่วนที่ผุ เว้า หรือแหว่งออกไป
หากมีตะปูก็ถอนตะปูออก จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการการไส เซาะร่อง ประกบ ตัด
เพื่อนำไม้ไปสร้างมูลค่าอื่น อาทิ การนำไปทำประตูบ้านไม้ลายสลักที่มีมูลค่าหลายหมื่นบาท
จนถึงเป็นส่วนประกอบของบ้านน็อคดาวน์มูลค่าเหยียบล้าน
เห็นได้ว่าวัสดุทุกอย่างที่ได้จากการรื้อถอนอาคาร ทั้งเหล็กเส้น เศษปูน
และเศษไม้ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง คืนชีพเศษซากสู่สมบัติมหาศาลได้จริงๆ
และที่สำคัญคือการนำเศษซากต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ยังเป็นการประหยัดทั้งพลังงานและทรัพยากรเพื่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
ปิยะมิตรกรุ๊ป
โจ้ 081-7551229 , 02-2917026 , Line ID : joethailand007
รับรื้อถอน,งานรื้อถอน,รับรื้อถอนบ้าน,รื้อถอน,รับตัดคอนกรีต,ตัดคอนกรีต,รับทุบอาคาร,รับรื้อสะพาน รื้ออาคาร,รื้อบ้าน,รื้อภายใน,รับรื้อบ้าน ,รื้อสำนักงาน,รับตัดคอนกรีต,ทุบตึก,รื้อถอนอาคาร,ทุบอาคาร รื้อสิ่งปลูกสร้าง,ทุบบ้าน,รับทุบตึก,รื้อภายในอาคาร,รื้อภายใน ,รื้อร้านค้า ,รื้อสำนักงาน ,รื้อห้างสรรพสินค้า ,รื้อบ้าน ,รื้อกระเบื้อง,สกัดกระเบื้อง