@piyamitrgroup
         

เจ้าของกิจการรื้อถอน ผู้กล้าบอกกับลูกค้าว่า “อย่าไปรื้อเลย”

เจ้าของกิจการรื้อถอน ผู้กล้าบอกกับลูกค้าว่า “อย่าไปรื้อเลย”

“ผมพูดกับลูกค้าตรงๆ เลยนะ บางคนเรียกผมไปดูบ้านว่าจะรื้อถอนยังไงดี แต่บางทีผมพูดจนเขาไม่รื้อเลยก็มี”
คำพูดที่สะท้อนความคิดชวนพิศวงของพี่โจ้ สิริโรจน์ สิริพลากรกิจ เจ้าของกิจการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างในนามบริษัท ปิยะมิตร กรุ๊ป จำกัด ผู้อยู่ในวงการรื้อถอนมานานกว่า 20 ปี เกินครึ่งชีวิตที่พี่โจ้คลุกคลีอยู่กับเศษปูนและการรื้อถอน จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์นี้อย่างไม่ต้องสงสัย วันนี้พี่โจ้มาให้สัมภาษณ์ถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง จากคนที่เคยมีแค่เสื่อผืนหมอนใบสู่เจ้าของธุรกิจใหญ่ ผู้กล้าปฏิเสธงานลูกค้าอย่างจริงใจ

--- ทำไมพี่โจ้ถึงปฏิเสธการรื้อถอนบางที่ ไม่เสียดายเงินหรอครับ ---
“คือบางครั้งเขาคิดว่าต้องรื้อ แต่บางทีก็ไม่จำเป็นเลย ถ้ารื้อเพื่อปรับปรุงบ้าน เดี๋ยวผมแนะนำให้ว่าควรแก้ยังไงแบบไม่ต้องรื้อก็ได้ บางทีตึกเอียง ก็แนะนำว่าให้ไปเสริมฐานรากได้ โครงสร้างยังแข็งแรง ตึกยังใช้ได้อีกนานไม่จำเป็นต้องรื้อ มีอะไรก็แนะนำได้ทั้งนั้น”

--- พอแนะนำเสร็จแล้วเป็นยังไงต่อครับ ---
“แล้วเขาคนนั้นก็หายไปเลย (ฮา) บางทีก็มีพาไปเลี้ยงข้าวบ้าง ซึ่งแค่นี้ก็พอแล้ว ได้รู้จักกันได้คุยกัน คุณรู้มั้ย การรื้อถอนบ้านแล้วสร้างใหม่เนี่ยใช้เงินเยอะมากเลยนะ ทั้งค่ารื้อ ค่าทำใหม่ บางคนเพิ่งเริ่มธุรกิจด้วยยิ่งต้องใช้เงินเลย ผมเข้าใจ คือไม่ซีเรียสนะ เงินน่ะหาเมื่อไหร่ก็ได้”

--- เป็นความใจกว้างที่เกิดจากรากฐานความลำบากจึงเข้าใจ ---
“ใช่ครับ ตอนเด็กๆบ้านผมจนแต่ไม่แร้นแค้น แค่เรียกว่าไม่มีอันจะกินก็พอได้ (ฮา) คือผมอยู่ในครอบครัวระดับกลางตอนล่างที่ต้องปากกัดตีนถีบตลอดเวลา พ่อทำบ่อดิน โดนโกงเยอะ เลยเข้าใจ”

--- แสดงว่าครอบครัวไม่ได้ประกอบอาชีพรื้อถอนมาตั้งแต่แรก แล้วพี่เข้าสู่วงการรื้อถอนได้ยังไงครับ ---
“คือผมจบการตลาดมานะ แต่อยากมาช่วยงานพ่อนี่แหละ ผมเริ่มจากขี่มอเตอร์ไซด์ติดต่อตามหน่วยงานก่อสร้าง ไปหาซื้อดิน ซื้อเศษปูนไปถมที่ แล้วก็มีโอกาสไปดูหน้างานรื้อถอนตึกบ่อย เพราะอาชีพรื้อถอนกับขนเศษปูนมันใกล้กัน ตอนขนไปส่งก็แวะดูว่าเขาทำกันยังไง ดีที่ผู้หลักผู้ใหญ่ก็สอนผมมาตลอด คุณรู้มั้ยช่วงนั้นมีเวลาว่างผมขี่มอเตอร์ไซด์ไปดูงานรื้อถอนทุกวันเลยนะ ค่อยๆ เก็บเกี่ยวเรียนรู้กันไป จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่วงการนี้”

--- แล้วการรื้อถอนมีอะไรที่ทำให้พี่หลงใหลจนมาถึงจุดนี้ได้ ---
“คืองี้ ทุกอย่างมันเริ่มจากใจรัก พอได้ทำงานที่สนุกนี่จะไม่เหมือนทำงานเลยนะ สิ่งที่ผมชอบในงานนี้และเป็นสิ่งที่ทำให้อยู่กับงานรื้อถอนมาจนถึงตอนนี้ได้เพราะ
หนึ่ง ผมชอบเดินทาง ได้ไปรื้อถอนทั่วประเทศไทย เหมือนได้เที่ยวแล้วก็ได้งานด้วย
สอง ได้เจอสิ่งแปลกใหม่ ทั้งงานใหม่ๆ และคนใหม่ๆ ได้คุยกันแลกเปลี่ยนความคิดกัน เป็นอะไรที่ดีนะ อันนี้สำคัญต่อการเติบโตของเรามาก
และสาม ผมรักงานที่ทำ อันนี้สั้นๆ เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีพลังเพื่อทำงานนี้ต่อไป”
“การรื้อถอนสนุกนะครับเพราะทุกครั้งที่รื้อแต่ละที่ ไม่เคยมีเหมือนกันสักที่ มีปัญหาใหม่เข้ามาตลอด ไม่ใช่แค่ตัวตึกที่จะรื้อถอนนะ คืออาชีพแบบผมเข้าไปที่ไหนโดนด่าหมดเพราะผมไปรื้อ ซึ่งจะกระทบต่อคนในละแวกที่รื้อแน่ๆ อันนี้ผมก็ต้องแก้ไข ทำยังไงให้งานจบได้แบบทุกคนแฮปปี้ ปวดหัวนะแต่เอาจริงๆ ผมก็สนุกกับงานนี้มาก มันไม่ใช่แค่งานรื้อถอน แต่มันเป็นงานแก้ปัญหาด้วย“
“เพราะปัญหาของคุณ คืองานของผม”
“อีกอย่างนอกจากใจรักแล้วคุณจะต้องสู้สุดใจด้วย เรื่องงานรื้อถอนเนี่ย ถ้าเปรียบเป็นมวยคือผมต่อยทุกไฟท์ แพ้ชนะไม่รู้ แต่ผมไม่เคยยอมแพ้ แพ้ชนะขอให้ได้ต่อย เพราะถ้าคุณไม่สร้างโอกาสขึ้นเวทีให้ตัวคุณเอง ชีวิตนี้คุณก็ได้แต่เพ้อฝันเท่านั้น ผมขอถามคุณว่า ระหว่างงานที่ไม่ชอบแต่ได้เงินมากกับงานที่รักแต่ได้เงินน้อยคุณจะเลือกอะไร
“คือผมอยากให้มองยาวๆ นะ ถ้าคุณเลือกเงินมาก่อนงาน สิ่งที่ได้แน่ๆคือเงิน แต่สิ่งที่ได้แน่ๆ ต่อมาคือความไม่สนุก และที่สำคัญคุณจะไม่ได้พัฒนาตัวเอง ไม่ได้พัฒนาอย่างที่ศักยภาพมี คุณจะนั่งมองนาฬิกาให้หมดวัน ไปแปรงฝันล้างหน้ารอแล้วกลับบ้านนอน”
“แต่มองดีๆ นะ ถ้าคุณเลือกงานที่รัก ถึงแม้ตอนแรกเงินอาจจะน้อย แต่เมื่อคุณรัก คุณย่อมอยู่กับมันได้ และคุณจะพัฒนาตนเองภายใต้งานที่คุณรัก ศักยภาพของคุณจะพัฒนาไปได้เรื่อยๆ อย่างที่ควรเป็น ในระยะยาว เมื่อถึงจุดนั้นเงินจะมาแน่นอน”

--- แล้วอะไรสำคัญที่สุดสำหรับการรื้อถอนตึก ---
“สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัย สำหรับคนทำงานรื้อถอนแบบผมด้วยแล้วนั่นคือคุณอย่าโลภ บางทีคุณอาจอยากรีบจบงาน ลดคอร์ส ประหยัดต้นทุนหวังเพิ่มกำไร แต่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเลย การรื้อตึกของผมเนี่ยสิ่งสำคัญคือความปลอดภัย เมื่อมีความปลอดภัยเดี๋ยวกำไรก็มา”

--- แสดงว่าจุดขายของปิยะมิตรกรุ๊ปคือความปลอดภัย ---
“ใช่ แต่ก่อนที่จะมีความปลอดภัย สำหรับผมเลยก็คุณจะต้องมี”
“หนึ่ง เครื่องมือ เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมไปดูงานต่างประเทศบ่อยๆ ญี่ปุ่น เยอรมัน เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศ คือบ้านเขาเนี่ยเรื่องสิทธิส่วนบุคคลเขาเคารพกันมาก แบบฟูลออฟชั่นเลย จะรื้ออะไรทีนี่ห้ามล้ำสิทธิผู้อื่นเด็ดขาด ต่างประเทศเขาเลยคิดค้นนวัตกรรมหลายๆ อย่างขึ้นมาเพื่อจุดนี้”
“ผมไปดูไปศึกษาแล้วหาซื้อมาใช้ แพงแค่ไหนผมก็ซื้อ ผมอาจไม่ได้มีเครื่องมือเครื่องจักรในงานรื้อถอนที่เยอะที่สุด แต่ผมมีเครื่องมือเครื่องจักรที่ดีที่สุด อย่างเครื่องพ่นน้ำกันฝุ่นกระจายเวลารื้อถอนตึก ฝุ่นนี่ถ้าสูดเข้าไปเยอะๆ ตายได้เลยนะคุณ เพราะมันเป็นฝุ่นจากเศษคอนกรีต แล้วก็พวกหัวบีบคอนกรีตที่ใช้แล้วจะทำให้เกิดเสียงกระแทกเบาที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จะได้ไม่ต้องรบกวนคนที่อยู่รอบข้างตึกที่เรารื้อถอน และอีกหลายอย่าง ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะทำให้การรื้อถอนปลอดภัยมากขึ้นกับทั้งตัวทีมงานและคนรอบข้าง”
“สอง การจัดการ โดยเฉพาะการจัดการบุคลากร ก่อนรื้อถอนทุกครั้งผมจะพาทีมงานผมดูรอบสถานที่ก่อนเลย ทำความเข้าใจงานให้ตรงกัน เพื่อทำงานอย่างถูกต้องและปลอดภัย ซึ่งนอกจากเรื่องงานแล้วเรื่องชีวิตส่วนตัวก็ต้องช่วยๆ กันดูแลด้วย ใครมีปัญหาบอกได้ บางทีทีมงานผมไปมีปัญหากับผู้ว่าจ้าง แทนที่จะว่าเขาเลยก็ต้องเรียกมาคุยกันก่อน บางทีเขาอาจไม่ผิดเลยหรือไม่ตอนนั้นเขามีปัญหาชีวิตอยู่ ก็ค่อยๆ คุยกันไป เมื่อเราดูแลเขาดี เขาก็จะดูแลลูกค้าดี”
“สาม ประสบการณ์ นอกจากจะใช้ประสบการณ์ดูเรื่องวิธีการรื้อ วิเคราะห์ตึกภายในภายนอก บางจุดที่รื้อถอนยากจะแก้ปัญหายังไงให้รื้ออย่างปลอดภัยแล้ว ผมก็จะแก้ปัญหากับทุกอย่างที่อยู่รอบข้างตึกด้วย อันนี้จากประสบการณ์เลย ไปรื้อถอนกี่ที่ทั้งตึกทั้งแวดล้อมรอบข้างไม่เคยเหมือนกันสักที่ อย่างที่บอกอาชีพผมไปไหนโดนด่าหมดเพราะไปรื้อรบกวนชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้น สิ่งที่ผมทำคือเดินเข้าไปคุยกับคนในบริเวณนั้นเลย ไปกินข้าวไปซื้อน้ำ ไปงานทำบุญบ้านคนละแวกที่ผมรื้อถอนก็มีนะ (ฮา) ผมอยากไปรู้จัก จะได้คุยให้เข้าใจว่าเราจะรบกวนให้น้อยที่สุด หรือมีอะไรไปรบกวนพวกเขาเมื่อไหร่ให้โทรหาผมได้เลย ผมจะรีบเคลียร์ให้ทันที จากประสบการณ์ผม ตรงนี้สำคัญมากนะคุณ”
“สี่ ควบคุมระยะเวลาการทำงาน บางทีการรื้อถอนอาจเจอเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เราทำงานไม่ได้ตามเวลาที่กำหนด อย่างเช่นมีวันหยุดยาวหลายวัน หรือมีการจัดงานแถวนั้นซึ่งเราก็ต้องหยุดรื้อถอนไป แต่ถึงยังไงเป้าหมายคือระยะเวลาจบงานที่กำหนดไว้ยังต้องคงเดิม เป้าหมายคงเดิมแต่ต้องเปลี่ยนวิธีการ จำไว้เลยนะนี่คือหลักการที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้เลย ถ้าคุณเปลี่ยนเป้าหมายเมื่อไหร่ แต่วิธีการคงเดิม เป้าหมายคุณจะยืดไปเรื่อยๆ จนไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คิดไว้ แต่ถ้าคุณไม่เปลี่ยนวิธีการเลย เป้าหมายคงเดิมอยากให้งานจบเร็ว เร่งทำ ไม่หาเครื่องมือหรือทีมงานมาช่วยเพิ่มทีนี้ก็จะไม่ปลอดภัย ผมให้ความสำคัญมาก คิดดูนะความปลอดภัยจะมาซึ่งความเชื่อถือและทุกๆอย่างจริงๆ เหมือนที่สุภาษิตจีนบอกไว้
“เสียเงิน เสียหนึ่งสิ่ง
เสียเวลา เสียหลายสิ่ง
แต่ถ้าเสียความน่าเชื่อถือ คุณจะเสียทุกสิ่ง ”

--- วิธีคิดดีๆ อย่างนี้ได้มาจากไหนครับ ---
“3 ก๊ก ผมชอบอ่าน 3 ก๊กมาก อ่านแล้วนำข้อคิดมาใช้กับชีวิต อ่านเกินสามรอบด้วย แต่ผมคบได้นะ ไม่โกงแน่ๆ (ฮา)”
จากบทสนทนาที่ได้พูดคุยกับพี่โจ้ทำให้เห็นชัดเลยว่า “ความปลอดภัย” นั้นคือจุดหมายสำคัญในการทำงานที่พ่วงมาด้วย “ความจริงใจ” ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทั้งได้รับความรู้เรื่องรื้อถอนที่เป็นการ “ทุบทิ้ง” และได้แรงบันดาลใจพร้อมวิธีคิดในการทำงานที่สามารถนำไป “สร้าง” ชีวิตที่ดีต่อไปได้อีกด้วย

ปิยะมิตรกรุ๊ป
โจ้ tel : 081-7551229 , 02-2917026

เจ้าของกิจการรื้อถอน ผู้กล้าบอกกับลูกค้าว่า “อย่าไปรื้อเลย”

[ ภาพ 1. ] เจ้าของกิจการรื้อถอน ผู้กล้าบอกกับลูกค้าว่า “อย่าไปรื้อเลย”